วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ประโยชน์และโทษของอินเตอร์เน็ต

ประโยชน์และโทษของอินเตอร์เน็ต

                                                                      
1. ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต (ให้ตอบมาอย่างน้อย 5 ข้อ)

1. ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตที่มีต่อผู้เรียน       อินเทอร์เน็ตทำให้ผู้เรียนมีโอกาสได้รับความรู้ใหม่ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลาย เรียนรู้ประสบการณ์จากสภาพความเป็นจริงของโลกปัจจุบัน เกิดทักษะความคิดขั้นสูงและเป็นการช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรวมถึงเป็นการฝึกให้เกิดทักษะการเขียน

2. ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตที่มีต่อผู้สอน       เมื่อมีการใช้อินเทอร์เน็ตทำให้ผู้สอนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลทางการศึกษา การวิจัย การวางแผนการสอนและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อมต่อเข้าสู่ระบบเช่นกัน คุณค่าของการเปิดรับข้อมูลทำให้ได้รับรู้กลยุทธ์การสอนที่หลากหลาย สามารถนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพของการเรียนการสอนที่เป็นประโยชน์ทั้งผู้เรียนและผู้สอน

3. ประโยชน์ที่มีต่อผู้เชี่ยวชาญการผลิตสื่อ       ทำให้ได้พบกับแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ที่ดีกว่า ประหยัดเวลากว่าและพบผลงานที่แตกต่างจากในท้องถิ่นของตนเอง

4. ประโยชน์ที่มีต่อเจ้าหน้าที่       ในระดับของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน การใช้อินเทอร์เน็ตช่วยลดความซับซ้อน การจัดเตรียมและเอกสาร เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างยิ่งในการรับและปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องรับและส่งข้อมูลภายนอกองค์กร

5. ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตที่มีต่อการสื่อสาร        การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นแนวทางที่ดีที่
ทำให้การสื่อสารระหว่างโรงเรียน กองทุนสนับสนุนการศึกษา โครงการเพื่อการศึกษา องค์กรพิเศษอื่น ๆ และอาสาสมัคร ในการเชื่อมโยงไปถึงผู้นำธุรกิจในท้องถิ่น ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่สามารถเข้าใช้อินเทอร์เน็ตได้


2. ให้นักเรียนหาประเด็นเกี่ยวโทษของอินเตอร์เน็ตต่อไปนี้
   2.1  โรคติดอินเตอร์เน็ต
เนื่องมาจากการใช้เน็ตมากเกินไป เช่น ซึมเศร้า แยกตัวเอง ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม โรคติดอินเทอร์เน็ตก็คล้ายๆ 
กับการติดสิ่งเสพติดต่างที่สร้างปัญหาให้เกิดกับอารมณ์ ร่างกาย สังคม ทำไมคนถึงติดอินเทอร์เน็ตได้                                                    

ความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากโรคติดอินเทอร์เน็ตแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ คือ
     1. Cybersexual Addiction การติด Adult Chat Room ผู้เป็นโรคติดอินเทอร์เน็ต หนึ่งในห้าจะเกี่ยวข้อง
กับกิจกรรมทางเพศ on-line เช่นการดู Cyberporn หรือ เข้าร่วมใน Cybersex คนในกลุ่มนี้จะไม่มี
ความมั่นใจในตัวเอง Body Image ที่ผิดปกติ ความวิปริตทางเพศไม่ได้รับการรักษา หรือพวกที่หมกมุ่นทางเพศมาก
ในกลุ่มเปล่านี้จะเกิดอาการเสพติด Cybersex ได้ง่ายมาก นอกจากนี้ Cybersex เป็นทางออกที่ปลอดภัย ค่าใช้จ่ายถูก
และปราศจากโรคติดเชื้อ

     2. Cyber-Relationship Addiction คือการคบเพื่อนจาก Chat Room, Newsgroup นำมาทดแทนเพื่อนหรือครอบครัว
ในชีวิตจริง ตลอดจนถึงการพัฒนาไปสู่ภาวะชู้สาวที่เกิดขึ้นทางอินเทอร์เน็ต

     3. Net Complusion คือภาวะการติดการพนัน การประมูลสินค้าการเสื้อขายทางเน็ต

     4. Information Overload ภาวะที่ทำการค้นหาข้อมูล และ Web Surfing ได้อย่างมากมายและไม่สามารถยับยั้งได้
     5. Computer Addition การใช้คอมพิวเตอร์ หรือการเล่นเกมทางคอมฯ ในลักษณะที่ไม่สามารถยับยั้งใจได้                                        


                                                        
2.2  เรื่องอณาจารผิดศีลธรรม
   
                                                      

 เรื่องของข้อมูลต่างๆที่มีเนื้อหาไปในทางขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือยต่างๆนั้นเป็น เรื่องที่มีมานานพอสมควรแล้วบนโลกอินเทอเน็ต แต่ไม่โจ่งแจ้งเนื่องจากสมัยก่อนเป็นยุคที่ WWW ยังไม่พัฒนา มากนักทำให้ไม่มีภาพออกมา แต่ในปัจจุบันภายเหล่านี้เป็นที่โจ่งแจ้งบนอินเทอเน็ตและสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าสู่เด็ก และเยาวชนได้ง่ายโดยผู้ปกครองไม่สามารถที่จะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะว่าอินเทอเน็ตนั้นเป็นโลกที่ไร้พรมแดนและเปิดกว้างทำให้สื่อเหล่านี้สามรถเผยแพร่ไปได้รวดเร็วจนเรา ไม่สามารถจับกุมหรือเอาผิดผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้

 2.3  ไวรัส ม้าโทรจัน หนอนอินเตอร์เน็ต และระเบิดเวลา   

   ไวรัสคอมพิวเตอร์(computer virus) ซึ่งเรียกชื่อเลียนแบบ ไวรัส ที่เป็นสิ่งมีชีวิต แต่เป็น

คำเรียกแบบย่อ

ของ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่มีชุดคำสั่งระบบปฏิบัติการใดๆก็ตามเท่าที่โปรแกรมถูกเขียนขึ้น

มาเพื่อการใดการหนึ่งทั้งที่มี

ประโยชน์ทางการทำงานตามผู้เขียนโปรแกรมนั้นขึ้นมา โดยที่บุกรุกเข้าไปในเครื่อง

คอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้

     
ส่วนมากมักจะมีประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ

ในเชิงเทคโนโลยีความมั่นคงของระบบคอมพิวเตอร์นั้น ไวรัสเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำสำเนาของตัวเอง เพื่อแพร่ออกไปโดยการสอดแทรกตัวสำเนาไปในรหัสคอมพิวเตอร์ส่วนของข้อมูลเอกสารหรือส่วนที่สามารถปฏิบัติการได้ ดังนั้นไวรัสคอมพิวเตอร์จึงมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกับไวรัสในทางชีววิทยา ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตในลักษณะเดียวกันนี้ คำอื่นๆ ที่ใช้กับไวรัสในทางชีววิทยายังขยายขอบข่ายของความหมายครอบคลุมถึงไวรัสในทางคอมพิวเตอร์ เช่น การติดไวรัส (infection) แฟ้มข้อมูลที่ติดไวรัสนี้จะเรียกว่า โฮสต์ (host) ไวรัสนั้นเป็นประเภทหนึ่งของโปรแกรมประเภทมัลแวร์ (malware) หรือโปรแกรมที่มีประสงค์ร้ายในความหมายที่ใช้กันทั่วไปนั้น ไวรัสยังใช้หมายรวมถึง เวิร์ม (worm) ซึ่งก็เป็นโปรแกรมอีกรูปแบบหนึ่งของมัลแวร์ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์นั้นสับสนเมื่อคำไวรัสนั้นใช้ในความหมายที่เฉพาะเจาะจง คอมพิวเตอร์ไวรัสนั้นโดยทั่วไปจะไม่ส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์โดยตรง แต่จะทำความเสียหายต่อซอฟต์แวร์

                                                                                        
2.4  และโทษของอินเตอร์อื่นๆ มาอย่างน้อยอีก 5 ข้อ 


1.อินเตอร์เน็ตเป็นระบบอิสระ ไม่มีเจ้าของ ทำให้การควบคุมกระทำได้ยาก
2.มีข้อมูลที่มีผลเสียเผยแพร่อยู่ปริมาณมาก
3.ไม่มีระบบจัดการข้อมูลที่ดี เสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิเช่น เพลง หนัง เติบโตเร็วเกินไป
4.เสี่ยงต่อการโดนจารกรรมข้อมูล การโจมตีจากไวรัสแฮกเกอร์ และจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ มัลแวร์
5.ข้อมูลบางอย่างอาจไม่จริง ต้องดูให้ดีเสียก่อน อาจถูกหลอกลวง โจมตี โฆษณาชวนเชื่อกลั่นแกล้งจากเพื่อนใหม่เช่น การตัดต่อรูปเพื่อการอนาจาร
6.ถ้าเล่นอินเตอร์เน็ตมากเกินไปอาจเสียการเรียนได้
7.ข้อมูลบางอย่างก็ไม่เหมาะกับเด็กๆ
8.ขณะที่ใช้อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์จะใช้งานไม่ได้
9.ใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ตเพื่อกล่าวหาและโจมตีคู่แข่ง

3. ให้นักเรียนคิดโจทย์ เกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตที่เรียนมาตั้งแต่ต้น มีตัวเลือก พร้อมเฉลย อย่างน้อย 10 ข้อ  

ข้อสอบ 10 ข้อ เรื่อง อินเทอร์เน็ต

1. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่บ้านต้องเชื่อมผ่านอุปกรณ์ใด
.  โมเด็ม    เราท์เตอร์   ทีซีพี      โปโตคอล

2. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีกี่รูปแบบ
.  2 รูปแบบ     รูปแบบ       4  รูปแบบ      รูปแบบ

3. การกำหนดรหัสผ่าน  Password  ควรใช้กี่ตัวอักษร
.  มากกว่า 3 ตัว         มากกว่า 4 ตัว  มากกว่า 5 ตัว  มากกว่า ตัว

4. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์สำคัญในการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตพื้นฐาน
.เครื่องคอมพิวเตอร์     .โมเด็ม       โทรศัพท์      .เราท์เตอร์ 

 5. อินเทอร์เน็ต  หมายถึง
การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย             การเชื่อมต่อกันระหว่างบุคคลกับบุคคล
.การเชื่อมต่อกันระหว่างบุคคลกับองค์กร     การเชื่อมต่อกันระหว่างองค์กรกับองค์กร

6.ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ คือข้อใด
Chat       E -mail          . Net                 .  Web

7. บริการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นซึ่งตั้งอยู่ไกลออกไป สามารถใช้บริการใด
Download      FTP         Telnet            BBS

8. การบริการในลักษณะของกระดานข่าวหรือบูเลตินบอร์ด คือข้อใด
UseNet           Download     IRC            .Chat

9. ข้อใดไม่ใช่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
เครื่องคอมพิวเตอร์  . โมเด็ม   โทรศัพท์    โทรทัศน์


10.การเชื่อมโยงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบุคคลสามารถเข้าถึงได้โดยใช้ผ่านคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์โดยใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงคือ
.  ทีซีพี           .โมเด็ม    .. เราท์เตอร์      โปโตคอล



เฉลย
1.      2.      3.      4.      5. 

6.      7.      8.      9.      10. 

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

แบบฝึกหัดที่ 4 เรื่องอินเทอร์เน็ต(บริการค้นหาข้อมูล)

แบบฝึกหัดที่ 4 

เรื่องอินเทอร์เน็ต(บริการค้นหาข้อมูล)




1. ให้อธิบายพร้อมยกตัวอย่างความแตกต่างระหว่างการสืบค้นแบบ web directory, meta search, search engine
ตอบ Web Directory คือ ระบบที่เก็บรวบรวมเว็บไซต์ไว้เป็นหมวดหมู่ ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มออกเป็นหมวดหมู่ย่อย ๆ ได้ด้วย เว็บที่ถูกบันทึกในแต่ละกลุ่ม จะต้องมีหัวเรื่องหรือเนื้อหาที่สัมพันธ์กัน
Meta search คือ Search Engines ประเภทนี้ อาจจัดได้ว่าไม่ใช่ Search Engines ที่แท้จริง
เนื่องจากไม่ได้ทำการสืบค้นข้อมูลเอง แต่จะส่งต่อคำถามจากผู้ใช้ (Query) ไปให้ Search Engines ตัวอื่นผลการค้นที่ได้จึงแสดงที่มา (ชื่อของ Search Engines) ที่เป็นเจ้าของข้อมูลไว้ต่อท้ายรายการที่ค้นได้แต่ละรายการ

Search engine คือ เครื่องมือการค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ที่ทุกคนสามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตก็ได้ โดย กรอก ข้อมูลที่ต้องการค้นหา หรือ Keyword (คีย์เวิร์ด) เข้าไปที่ช่องSearch Box แล้วกด Enter แค่นี้ข้อมูลที่เราค้นหาก็จะถูกแสดงออกมาอย่างมากมายก่ายกอง เพื่อให้เราเลือกข้อมูลที่เราโดนใจที่สุดเอามาใช้ งาน โดยลักษณะการแสดงผลของ Search Engineนั้นจะทำการแสดงผลแบบ เรียงอันดับ Search Results ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา

2. จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการใช้คำสั่ง ดีใจจังค้นแล้วเจอแล้ว กับ การค้นหาแบบธรรมดา ในGoogle
ตอบ การใช้คำสั่ง “ดีใจจัง ค้นแล้วเจอเลย”จะช่วยให้ใช้เวลาในการค้นหาหน้าเว็บน้อยลงเพราะเมื่อใช้คำสั่ง Google จะเข้าหน้าเว็บแรกที่เป็นผลลัพธ์ของข้อความค้นหาของคุณ ทันที ส่วนการใช้คำสั่งค้นหาแบบธรรมดานั้น Google จะแสดงผลลัพธ์เป็นหน้าเว็บให้คุณเลือกเข้าเอง

3. ในการค้นหาขั้นสูง จะมีคำสั่ง AND กับ OR เพื่อใช้เสริมในการค้นหา จงอธิบายความแตกต่างพร้อมยกตัวอย่างการใช้งานพร้อมผลลัพธ์ทั้งสอง
ตอบ AND เป็นการให้คำที่เราต้องการค้นหา ปรากฏในผลลัพธ์ ทั้งสองคำ ที่อยู่ระหว่าง “AND”
เช่น ค้นหาคำว่า computer AND ram ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องมีคำว่า computer และ ram ทั้งสองคำนี้ปรากฏอยู่ เป็นค้น
OR เป็นการให้คำที่เราต้องค้นหา ปรากฏในผลลัพธ์ คำใดคำหนึ่ง ที่อยู่ระหว่าง “OR”
เช่น ค้นหาคำว่า computer OR ram ผลลัพธ์ที่ได้จะมีคำว่า computer หรือ ram คำใดคำหนึ่ง หรือทั้งสองคำปรากฏอยู่ เป็นค้น







4. Google Scholar มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างไร
ตอบ มีไว้ค้นหา บทความ หรือ งานวิจัย โดยเฉพาะ

5. Google Guru มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างไร
ตอบ มีไว้ใช้ในการตั้งคำถามเพื่อให้คนที่มีความรู้มาตอบ และเพื่อเอาคำตอบไปใช้อย่างรวดเร็ว

6. I Google คืออะไรมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ใด
ตอบ  I Google เป็นฟังค์ชันที่ Google ทำออกมาเพื่อเอาใจผู้ใช้ I Google เราสามารถปรับแต่งหน้าต่าง I Google ของเรายังไงก็ได้ สามารถดูสภาพอากาศของจังหวัดต่างๆได้ สามารถจดบันทึกข้อความก็ได้ ดูข่าวสาร สาระน่ารู้ ก็ได้อีกเหมือนกัน สามารถ chat พูดคุยกับเพื่อนก็ได้ อีกทั้งสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบที่เราต้องการไม่ให้ซ้ำใครอีกด้วย

7. จงบอกสิทธิประโยชน์ในการสมัครเป็นสมาชิกของ Google ว่ามีความแตกต่างกับผู้ไม่สมัครอย่างไร (ให้นักเรียนบอกที่มาด้วย)
ตอบ มื่อสมัครเป็นสมาชิก Google จะได้รับสิทธิประโยชน์ดังนี้
– สถิติเกี่ยวกับ Visitor รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์
– สถิติเกี่ยวกับ Traffic รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางในการเข้าถึงเว็บไซต์
– สถิติเกี่ยวกับ Content รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถิติการเข้าชมเนื้อหาภายในหน้าเว็บไซต์
– สถิติเกี่ยวกับ Goal วิเคราะห์ว่าผู้ใช้งานเข้าถึงเป้าหมายภายในเว็บไซต์ได้อย่างไร
ที่มา: http://apinya-namvises.blogspot.com/2015_08_01_archive.html